เมื่อวันที่ 3มิถุนายน 2566 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ พระบรมมหาราชวัง
ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวันวิสาขบูชาและเฉลิมพระชนมพรรษา 3มิถุนายน2566
ในการนี้ พระราชินี ทรงฉลองพระองค์ชุดไทยบรมพิมาน ห่มทับด้วยผ้าทรงสะพัก
พระภูษาผ้ายกดอกลำพูน ลายดอกกระดุมก้านแย่งล้อมโคม
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
ทรงผ้าสะพักประจำเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์
เฉวียงพระอังสาจากซ้ายลงมาทางขวา ทรงสายสร้อยมหาจักรี ดาราจักรี สายสะพายจักรี
ทรงดวงตราจุลจอมเกล้า (ฝ่ายใน) ซึ่งผูกเป็นแพรแถบแทนสายสะพาย
,เหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลที่๙และรัชกาลที่๑๐ ชั้นที่๑
,เหรียญเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช๒๕๖๒
และทรงพระปั้นเหน่งดวงตราจักรีประดับเพชร
ประเทศไทยเป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ
ทำให้ประเทศของเรามีพรรณไม้ ที่สวยงามหลายชนิด
ผนวกกับแนวความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย ที่ชอบประดิษฐ์ประดอยมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ก่อให้เกิดงานหัตถศิลป์หลากหลายแขนง
ดอกไม้ที่มักนำมาเป็นส่วนประดับในงานหัตถศิลป์ของไทย
ดอกกระดุมทองเป็นอีกหนึ่งดอกที่นำมาเป็นส่วนประดับตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย
เครื่องแขวน ดอกกระดุมทอง เป็นดอกไม้ยังมีความหมายว่า ความเชื่อมั่น ความมั่นคง
ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดๆที่เข้ามา
โคม เป็นสัญลักษณ์แห่งแสงสว่าง ช่างผู้ออกแบบ
ได้นำมาเป็นแรงบันดาลใจในสร้างงานหัตถศิลป์ โคมประทีปดอกไม้
ครั้งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ปรากฏหลักฐานว่าได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้มีการจุดดอกไม้เพลิงถวายเป็นพุทธบูชา และให้พระบรมวงศานุวงศ์
ข้าราชการฝ่ายใน และหน่วยราชการต่าง ๆ เดินเวียนเทียน จัดโคมประทีป
และสวดมนต์ที่พระพุทธรัตนสถาน วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
และมีการจัดพิธีวิสาขบูชาสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน